
วิสัยทัศน์
มุ่งสู่การเป็นบริษัทวิศวกรรมและก่อสร้างชั้นนำของประเทศไทย และภูมิภาค ด้วยการส่งมอบผลงานคุณภาพระดับมาตรฐานสากลให้แก่ลูกค้า
พันธกิจ
-พัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ ในกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงในส่วนภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง-เน้นการ พัฒนาโครงการที่มีขนาดปานกลางเพื่อเสริมสร้างความอบอุ่น และความเป็นส่วนตัว-ออกแบบ และพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีรูปแบบที่ทันสมัย ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอยอย่างลงตัว รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ได้-มาตรฐานสวยงามง่ายต่อการบำรุงรักษาในอนาคต เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าโดยให้ความสำคัญกับการสร้างความคุ้มค่าทางด้านราคา, ทำเลที่ตั้งของโครงการ, การออกแบบผลิตภัณฑ์ , การให้บริการและภาพลักษณ์โครงการ
วัตถุประสงค์ของบริษัทก่อสร้าง
เป้าหมายพื้นฐานในการบริหารงานก่อสร้าง "เป้าหมายของการบริหารงานก่อสร้าง คือ การดำเนินงานก่อสร้างให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมีความถูกต้องตามรูปแบบรายการตรงตามหลักวิชาการมีความแข็งแรงปลอดภัย ภายใต้การใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างเหมาะสมและประหยัด"ซึ่งการจะ บรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะต้องมีหลักในการบริหารหรือการจัดการที่ ดีได้แก่ การวางแผนงาน การดำเนินงาน และการควบคุม ติดตามผลงาน ซึ่งหลักการนี้มักจะถูกมองข้ามไป ทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรหรือไม่สา มารถแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้นได้เพราะมองไม่เห็นปัญหาอย่างชัดเจนหรือหาสาเหตุของ ปัญหาไม่พบ หลักการพื้นฐานในการบริหารงานก่อสร้างประกอบ ด้วย 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ ซึ่งจะต้องหมุนเวียนเป็นวงล้อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
การวางแผนงาน คือ การกำหนดแนวทางในการดำเนินงานหรือปฏิบัติงานให้ สอดคล้องและตรงกับเป้าหมายของงานที่จะ ทำเพื่อให้ผู้ปฏิบัติทราบล่วงหน้าว่าจะทำอะไร อย่างไร เมื่อไร รวมทั้งคาดการณ์ถึงความต้องการทรัพยากรด้าน กำลังคน วัสดุ อุปกรณ์และวางแผนให้การใช้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นไปอย่างมีประสิท ธิภาพมากที่สุด โดยอาศัยสถิติและข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้มา ใช้ในการวางแผนงานให้ใช้งานได้ตามความเป็นจริงและอย่างได้ผล ผู้วางแผนงานจะต้องเข้าใจถึงเป้าหมายของงานอย่างแจ่ม แจ้ง จึงควรเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้เป็นเวลา นานพอสมควร ในขั้นตอนนี้ควรวางแผนและจัดระบบงานของโ ครง การ แล้วแยกย่อยเป็นแผนงานราย 3 เดือน แผนงานรายเดือน หรือรายสัปดาห์ต่อไป เพื่อให้งานสามารถดำเนิน ไปได้อย่าง ต่อเนื่องและเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด การปฏิบัติงาน ขั้นตอนของงานก่อสร้างทุกระยะมีความสำคัญ ถ้าขั้นตอนใดเกิดความผิดพลาดอาจมีผลกระทบต่อขั้นตอน อื่น ทำให้งานทั้งโครงการต้องล่าช้า ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายและเวลาที่เพิ่มขึ้น ในขั้นนี้จึงต้องมีการบันทึกข้อมูลของการทำงานไว้ ทุกขั้นตอนในรูปของรายงานประจำวัน รายงานประจำสัปดาห์และรายงานประจำเดือน นอกจากจะให้ผู้เกี่ยวข้องได้เห็นความก้าว หน้าของงานแล้ว ก็เพื่อประโยชน์ในการประเมินผลงานเพ ื่อหาทางแก้ไขปัญหา ในขณะปฏิบัติงานจะต้องมีการตรวจสอบการทำ งานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากรูปแบบรายการ อันเป็นเหตุให้อาคารขาดความแข็งแรงปลอดภัย
การประเมินผลโดยการพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากการทำงานจริงกับแผนงาน ที่วางไว้ว่าได้งานตามกำหนดเวลา หรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามแผนงาน เช่น เกิดความล่าช้าก็ต้องวิเคราะห์หาสาเหตุที่เกิดขึ้น และรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปหาแนว ทางแก้ไขและนำไปปรับปรุงแผนงาน ตัวอย่าง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คนงานส่วนใหญ่กลับภูมิลำเนาเดิม ทำให้งานในช่ วง เวลาดังกล่าวเกิดการหยุดชะงัก ก็อาจหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการเร่งรัดการทำงานโดยเพิ่มเวลาทำงานใน แต่ละวัน เพิ่มจำนวนแรง งาน ใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เป็นต้น เมื่อปรับปรุงแผนใหม่แล้วก็นำไปปฏิบัติและป ระเมินผลใหม่ ถ้าพบว่ายัง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือแผนที่วางไว้ก็นำผลการประเมินไปปรับปร ุงแผนนำไปสู่การปฏิบัติต่อไปเป็นขั้นตอนตามแผนภูมิที่แสดง ไว้ข้างต้น
หลักการดังกล่าวนี้เป็นหลักการพื้นฐานในการบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามแนวทางปฏิบัตินี้
นโยบาย
Time ควบคุมงานก่อสร้างให้ทันตามระยะเวลาที่กำหนดร่วมกันCost ควบคุมต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้จนจบงานQuality ควบคุมคุณภาพงานก่อสร้าง การใช้วัสดุก่อสร้าง ให้ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน
แผนปฏิบัติงาน
การแบ่งฝ่ายต่าง ๆ ที่มีส่วนในการดำเนินโครงการนั้น โดยคณะทำงานได้เสนอไว้รวมทั้งหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้
1. เจ้าของโครงการ มีหน้าที่
(1) จัดตั้งองค์กรและสายงานสำหรับทำงานโครงการพร้อมทั้งว่าจ้างฝ่าย ต่าง ๆ มาดำเนินการตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งกำหนดขอบเขตงานฝ่ายต่าง ๆ
(2) หาแหล่งเงินทุน
(3) ขออนุญาตการต่าง ๆ ต่อภาคราชการ
(4) ดำเนินการด้านการตลาด ซึ่งอาจกำหนดให้ฝ่ายอื่น เช่น ผู้บริหารโครงการช่วย
(5) ยื่นคำขอสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ฯลฯ
(6) ทำประกันภัยในส่วนทรัพย์สินของเจ้าของรวมทั้งงานที่ได้รับมอบ
(7) ทำสัญญาซื้อหรือจ้างเกี่ยวกับโครงการทั้งหมด
(8) อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสัญญา เช่น ขอบเขตงานเปลี่ยนแปลงแบบ ราคางานต่อสัญญา ฯลฯ
2. ผู้บริหารโครงการ มีหน้าที่ช่วยเจ้าของโครงการบริหารงานตั้งแต่ต้นจนจบโครงการ ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ คือ
(1) ศึกษาโครงการด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เช่น แผนงาน ราคา ผลตอบแทน ฯลฯ
(2) ทำแผนด้านการใช้เงิน
(3) ช่วยดำเนินการด้านการอนุญาตต่าง ๆ และภาษีประกันภัย
(4) ช่วยกำหนดขอบเขตและคัดเลือกผู้ออกแบบ
(5) แบ่งงานและทำข้อกำหนดเอกสารการว่าจ้างการซื้อของ อุปกรณ์
(6) ตรวจสอบแบบ รายละเอียด
(7) พิจารณาการประสานงานของฝ่ายต่าง ๆ ในช่วงการออกแบบและติดตามงานจนกระทั่งเสร็จงาน
(8) ช่วยเจ้าของโครงการในการประกวดราคา และตรวจรับงาน (Commissioning)
3. ผู้ออกแบบ
(1) ศึกษาข้อมูลสำหรับออกแบบ
(2) ดำเนินการออกแบบด้านโยธา, ไฟฟ้า, เครื่องกลสิ่งแวดล้อมและสถาปัตยกรรม
(3) ทำแบบ Master เพื่อการประมูลและก่อสร้าง
(4) จัดทำข้อกำหนดเทคนิคที่เกี่ยวข้อง
(5) ออกแบบเพิ่มเติมและแก้ปัญหาแบบในระหว่างก่อสร้าง จนกระทั่งเสร็จงาน
4. ผู้คิดราคาและวัดปริมาณงาน (Quantity Surveyor)
(1) จัดทำปริมาณงานจากแบบ
(2) ประมาณราคางานก่อนการประมูล
(3) ช่วยเจ้าของงานระหว่างการประมูล เพื่อให้ราคางานอยู่ในวงเงินงบประมาณ
(4) ช่วยหาแหล่งวัสดุ, อุปกรณ์ และผู้รับจ้างในด้านต่าง ๆ
(5) ทำแผนการใช้เงิน (ช่วยผู้บริหารโครงการ)
(6) วัดปริมาณงาน ตรวจสอบงานรายงวด คิดเงินที่จะจ่ายแต่ละงวด
(7) ทำ Final Payment, Final Project Cost
5. ผู้บริหารงานก่อสร้าง จะเข้ามาเริ่มงานตั้งแต่ช่วงการออกแบบ
(1) ช่วยงานผู้บริหารโครงการในช่วงการออกแบบ
(2) รับผิดชอบงานช่วงประกวดราคาจนกระทั่งก่อสร้างเสร็จ
(3) รับผิดชอบหาแหล่งซื้อและจ้างและพิจารณาเอกสาร เจรจาต่อรองราคาทั้งหมด
(4) ดำเนินการด้านเอกสารสัญญาทั้งหมด
(5) ควบคุมงานด้านเทคนิค และคุณภาพงานระหว่างก่อสร้าง
(6) รับผิดชอบในการประสานงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน จัดทำขั้นตอน ติดตามงานของแต่ละฝ่าย จัดการประชุมประสานงาน และทำบันทึกประชุม สรุปให้เจ้าของโครงการทราบ
(7) ดำเนินงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญา
(8) พิจารณาเรื่อง Claim ต่าง ๆ และยุติข้อโต้แย้ง
(9) ติดตามให้มีผู้แก้ไขงานที่บกพร่องในระยะค้ำประกัน
6. ผู้รับจ้างงานหลัก (Main Contractor) อาจมีรายเดียวหรือหลายราย แล้วแต่การแบ่งงานของเจ้าของโครงการและผู้บริหารโครงการ
(1) เสนอราคาประมูล และทำสัญญากับเจ้าของโครงการ
(2) ดำเนินการก่อสร้าง หรือส่งของ หรือติดตั้งอุปกรณ์ ตามสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนด
(3) ส่งมอบงานและเบิกเงินตามที่กำหนด
(4) ให้ความร่วมมือฝ่ายต่าง ๆ ตามสัญญา
(5) ออกแบบรายละเอียด ออกแบบเพื่อก่อสร้าง (Shop Drawing) และทำแบบ Ds Built ถ้ามีกำหนดในสัญญา
(6) ควบคุมคุณภาพและเวลาตามสัญญา
(7) ทำประกันงาน อุปกรณ์และอุบัติเหตุคนทำงานและยานพาหนะที่ใช้
(8) รักษาความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมระหว่างก่อสร้าง
(9) เสนอการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแบบและสัญญาเมื่อเกิดปัญหาในการก่อสร้าง
7. ผู้รับจ้างงานเฉพาะหรือผู้รับเหมาย่อย
หมายถึง ผู้รับจ้างงานที่นอกเหนือจากงานที่เจ้าของโครงการจ้างเอง หรือเป็นผู้รับจ้างงานบางส่วนของผู้รับจ้างหลัก มีหน้าที่เช่นเดียวกับผู้รับจ้างหลัก เว้นแต่ขอบเขตของงานอาจน้อยลง ซึ่งแล้วแต่สัญญาที่ทำไว้ อนึ่งในการทำงานจริงอาจมีการผสม หรือแบ่งแยกฝ่ายต่าง ๆ ที่ผิดแปลกไปจากข้างต้น เช่น ในโครงการของ กฟผ. และผู้ออกแบบและผู้บริหารงานก่อสร้างเป็นพวกเดียวกัน เรียกว่า วิศวกรที่ปรึกษา เช่นนี้เป็นต้น หรือบางครั้งงานของผู้คิดราคาและวัดปริมาณงานอาจแยกไปอยู่กับผู ้ออกแบบส่วนหนึ่งและผู้บริหารงานก่อสร้างส่วนหนึ่งก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ว.ส.ท. มีหลักการที่ว่าจะ List รายการงานไว้ให้ทั้งหมดเพื่อเป็นแบบแผน ส่วนการจะแบ่งงานไหนไว้กับพวกไหนก็ไม่เป็นไร ขอให้มีรายการให้ครบถ้วนงานโครงการก็จะดำเนินไปได้โดยไม่สับสน การคิดบริการค่าดำเนินการก็จะเป็นไปตามจำนวนเเนื้องานโดยถูกต้อ งและยุติธรรมทั้งผู้จ้างและผู้ปฏิบัติ
หน้าที่ความรับผิดชอบ
คณะกรรมการในฐานะตัวแทนของผู้ถือหุ้น ที่มีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการงานของบริษัทฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัทฯ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ด้วย ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว คณะกรรมการเป็นผู้ให้ความเห็นชอบในเรื่องวิสัยทัศน์ พันธกิจกลยุทธ์ เป้าหมาย แผนธุรกิจ และงบประมาณของบริษัทฯ คณะกรรมการได้กำหนดบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะอนุกรรมการ และฝ่ายบริหาร ไว้อย่างชัดเจน และเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้ยังจัดให้มีกลไกในการกำกับดูแล และติดตามการปฏิบัติงาน และการควบคุมของฝ่ายบริหารในช่วงเวลาที่จำเป็นและเหมาะสม
ในที่ประชุม คณะกรรมการได้ทำการปรับปรุงขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษรดังต่อไปนี้
1. กำหนดนโยบาย และทิศทางการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย และกำกับดูแลให้ฝ่ายบริหารดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุดแก่ ผู้ถือหุ้น และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
2. พิจารณาตัดสินในเรื่องที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย เช่น นโยบายและแผนธุรกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ อำนาจการบริหาร การได้มา หรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และรายการอื่นใดที่กฎหมายกำหนด
3. ติดตามการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารของบริษัท และบริษัทย่อยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท โดยจัดให้มีระบบบัญชี การรายงานทางการเงิน และการสอบบัญชีที่เชื่อถือได้ รวมทั้งดูแลให้มีกระบวนการในการประเมินความเหมาะสมของการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล การบริหารจัดการความเสี่ยง และการติดตามผล
4. ดูแลไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ และอนุมัติรายการที่เกี่ยวข้อง และรายการขัดแย้งทางผลประโยชน์
5. กำกับดูแลกิจการให้มีการปฏิบัติงาน และดำเนินการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีจริยธรรม
6. ทบทวนนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท และประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวเป็นประจำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
7. ให้มีการประเมินผลงานของคณะกรรมการทั้งชุดทุก ๆ ปี
8. คณะกรรมการบริษัทอาจมอบอำนาจช่วงให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจในการดำเนินการในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือหลายเรื่อง ตามที่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นสมควรก็ได้ โดยการมอบอำนาจดังกล่าวไม่รวมถึงการมอบอำนาจให้บุคคลนั้นๆ สามารถอนุมัติการทำรายการที่ตน หรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อื่นใด (ตามข้อบังคับของบริษัทฯ และตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศกำหนด) ทำกับบริษัท หรือบริษัทย่อย ยกเว้นเป็นการอนุมัติรายการที่เป็นไปตามนโยบาย และหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติไว้
คณะกรรมการกำหนดให้กรรมการ และผู้บริหาร มีหน้าที่ต้องจัดทำ และส่งรายงานการถือหลักทรัพย์ของตน ของคู่สมรส และของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในบริษัทมหาชนจำกัดที่ตนเป็นผู้บริหารนั้นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามแบบ 59-1 และ 59-2 ภายในเวลาที่กำหนด ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สจ.14/2540
บริษัทฯ ยังมีนโยบายให้คณะกรรมการบริษัท ทำการทบทวนนโยบายการกำกับดูแลกิจการเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ และหลักสากลของ The Organization for Economic Co-Operation and Development (OECD)